Travel License : 24/01134​

ประเพณีแห่ครัวตาน

12329 0

ประเพณีแห่ครัวตาน   ประเพณีแห่ครัวตาน         ประเพณีแห่ครัวตานในอำเภอแม่แจ่ม เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณของชาวล้านนา ซึ่งเป็นการนำเครื่องไทยทาน หรือสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ไปถวายวัดหรือศาสนสถานเนื่องในโอกาสสำคัญทางศาสนาและประเพณีต่างๆ เช่น งานทำบุญสลากภัต งานฉลองวัด หรือการถวายถาวรวัตถุ ประเพณีแห่ครัวตาน:      “ครัวตาน” หมายถึง เครื่องไทยทาน หรือสิ่งของที่จัดเตรียมเพื่อนำไปถวายเป็นทานในงานบุญต่างๆ        “แห่” หมายถึง การนำขบวนครัวตานไปถวายที่วัด หรือ ศาสนสถาน ความสำคัญ: ประเพณีนี้เป็นการแสดงออกถึงความศรัทธา ความสามัคคี และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนในชุมชน รูปแบบ: ต้นครัวตานมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบดั้งเดิมและประยุกต์ตามความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละชุมชน การจัดงาน: งานแห่ครัวตานมักจะจัดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของปี หรือในโอกาสที่วัดมีการจัดงานใหญ่ การแห่ครัวตานในแม่แจ่ม: อำเภอแม่แจ่มก็เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีการจัดประเพณีแห่ครัวตาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อและวัฒนธรรมอันดีงามของชาวล้านนา กิจกรรมในงาน: มีการจัดขบวนแห่ครัวตานอย่างสวยงาม โดยอาจมีขบวนแห่ฟ้อนรำ และการแสดงอื่นๆ ประกอบ มีการนำเครื่องไทยทานต่างๆ ไปถวายวัด เช่น อาหาร ข้าวของเครื่องใช้ และปัจจัยต่างๆ […]

เผาหลัวพระเจ้า และตานข้าวใหม่

12311 0

ประเพณีเผาหลัวพระเจ้า และ ตานข้าวใหม่ ประเพณีเผาหลัวพระเจ้า และ ตานข้าวใหม่        นอกจากสีสันจากลายผ้าและเรื่องราวเล่าขานความเป็นมาของท้องถิ่นแล้ว คนแม่แจ่มยังมีประเพณีวัฒนธรรมที่สืบทอดมาแต่โบราณหลายอย่างที่ท้องถิ่นอื่นไม่มี เช่น พิธี ‘เผาหลัวพระเจ้า’ หรือ ‘ตานหลัวหิงไฟพระเจ้า’ ความหมายก็คือ การเผาฟืน (หลัว) เพื่อหิง (ผิง) ไฟทำบุญถวาย (ตาน) แด่พระพุทธเจ้า แม่แจ่มในอดีตมีความทุรกันดาร ยามฤดูหนาว อากาศก็จะหนาวเหน็บ ผ้าห่ม ผ้าผวยยังเอาไม่อยู่ ผู้เฒ่าผู้แก่ ลูกเล็กเด็กแดง ยามหัวค่ำจึงต้องล้อมวงนำหลัวหรือไม้ฟืนมาจุดผิงไฟกันหนาว ตื่นเช้ามาก่อนออกไปทำไร่ทำนาก็ต้องลุกขึ้นมาผิงไฟอีก เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น จึงคิดว่า “เมื่อคนเราห่มผ้าผวยก็ยังหนาว พระพุทธเจ้าครองผ้าไม่กี่ผืนจะไม่หนาวยิ่งกว่าหรือ ?” จึงเป็นที่มาของพิธี ‘ตานหลัวหิงไฟพระเจ้า’       พิธีตานหลัวหิงไฟพระเจ้า ปัจจุบันยังนิยมทำกันในอำเภอแม่แจ่ม รวมทั้งภาคเหนือทั่วไป เป็นคติความเชื่อของชาวล้านนา (เป็นหนึ่งในพิธี 12 เดือนของล้านนา) พิธีนี้จะทำกันในช่วงฤดูหนาว ในวันเพ็ญเดือน 4 ล้านนา หรือประมาณเดือนธันวาคม-มกราคมของทุกปี […]

จิ๊นเน่า แม่แจ่ม

12076

จิ๊นเน่า แม่แจ่ม จิ๊นเน่า เนื้อเน่าเหม็นแสนอร่อยของชาวแม่แจ่ม การกินของเน่า เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมอาหารที่มีอยู่ทั่วโลก แต่กับในดินแดนอุษาคเนย์นั้นพบว่ามีหลักฐานการทำของเน่า เช่น ปลาร้า น้ำปลา และของหมักดองอื่นๆ มานานกว่า 3,000 ปีแล้ว ตำนานของจิ๊นเน่ามีหลายที่มาอย่างเสียงแตก แต่ที่ถูกเล่าซ้ำมากที่สุดเห็นจะเป็นตำนานที่ว่า ในอดีต การเดินทางจากตัวเมืองไปยังอำเภอแม่แจ่มนั้นยากลำบาก เป็นทางลาดชันผ่านป่าเขา วัวควายที่ทำหน้าที่บรรทุกข้าวของจึงมักเกิดอุบัติเหตุขาหักเดินต่อไม่ไหว เมื่อวัวควายไม่สามารถเดินทางต่อได้ เจ้าของวัวจึงต้องฆ่าวัวทิ้งเสียที่กลางทาง แล้วเก็บเอาส่วนเนื้อที่สามารถนำกลับบ้านได้ติดตัวมาด้วย กว่าจะเดินทางถึงอำเภอแม่แจ่มเนื้อเหล่านั้นก็เน่าเสียไปก่อน จึงเกิดเป็นภูมิปัญญาในการปรุงเนื้อเน่าเหม็นเหล่านั้นด้วยสมุนไพรท้องถิ่นให้สามารถนำมากินได้อีกครั้ง ความเน่าเหม็นที่ถูกปรุงอย่างชาญฉลาดนั้นย่อมกลับกลายเป็นความอร่อยขึ้นมาได้อย่างเหลือเชื่อ ทำให้เมนูจิ๊นเน่ากลายเป็นของโอชะประจำท้องถิ่นของอำเภอแม่แจ่มและนิยมทานกับน้ำพริกข่า ขอขอบคุณบทความจาก เสาวลักษณ์ เชื้อคำ ขอบคุณภาพประกอบจากเพจ เอาหยังมากิ๋นแลง

น้ำพริกน้ำปู๋

S 100614148 0

น้ำพริกน้ำปู๋ น้ำปู๋ หรือ น้ำปู เป็นเครื่องปรุงรสที่สำคัญในอาหารไทยภาคเหนือ ทำจากปูนา โดยนำปูนาที่ล้างสะอาด ใส่ครกตำกับตะไคร้ เพื่อดับกลิ่นคาว อาจใส่ใบขมิ้น ใบมะกอกหรือใบฝรั่งด้วยก็ได้ น้ำที่ได้นำมากรองกากออก นำมาเคี่ยวให้ข้น ใส่เกลือ น้ำมะกรูด น้ำปู๋ที่เคี่ยวจนได้ที่แล้วจะเป็นสีดำ ข้นหยดลงบนใบมะม่วงแล้วไม่ไหล ทางจังหวัดน่าน มีน้ำปู๋ที่เรียกน้ำปู๋พริก ซึ่งใส่พริกป่นกับกระเทียมลงในน้ำปู๋ที่เคี่ยวจนเกือบแห้ง แล้วเคี่ยวต่อจนได้ที่ น้ำปู๋เป็นเครื่องปรุงรสที่สำคัญของอาหารไทยภาคเหนือ ใช้แทนกะปิ น้ำปลา ปลาร้า และเป็นส่วนประกอบสำคัญของน้ำพริกน้ำปู๋ ส้มตำ และใช้ปรุงรสในส้าหรือยำชนิดต่างๆ   ขอขอบคุณข้อมูลจากจาก : เว็ปไซต์ https://th.wikipedia.org/

ผ้าซิ่นตีนจกแม่แจ่ม

3

ผ้าซิ่นตีนจกแม่แจ่ม การทอผ้าตีนจกแม่แจ่ม ต้องใช้ความละเอียดในการจก รวมถึงการสอดสีเส้นฝ้าย การทอแต่ละผืนจึงใช้เวลานาน  อย่างไรก็ตามการทอผ้าตีนจกของชาวแม่แจ่มก็ผูกพันอยู่กับวิถีชีวิตอย่างเหนียวแน่น ทำอยู่แทบทุกครัวเรือน  เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน  จึงทำให้ผ้าตีนจกยังคงมีมาจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับ  มีผู้รักและเห็นความสำคัญ (คุณนุสรา เตียงเกตุ) ได้เข้าไปศึกษาฟื้นฟูลวดลายดั้งเดิม การย้อมสีธรรมชาติ ศึกษาเทคนิค และลักษณะลายผ้าต่างๆ แล้วนำมาสร้างสรรค์ โดยเพิ่มเทคนิคใหม่ๆ  สร้างความหลากหลายให้กับผ้ายิ่งขึ้น อย่างเช่น การทอผ้าที่มีรอยแยกระหว่างผ้า เกิดเป็นช่องว่างทั่วไป ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของผ้าทอ โดยการแบ่งด้ายยืนเป็นส่วนๆ และใช้ด้ายพุ่งจำนวนหลายชุด ทอวนกลับไปมาพร้อมๆ กัน ทำให้ด้ายยืนแยกออกจากกัน เป็นริ้วทางแนวตั้ง เกิดเป็นช่องว่างในผืนผ้าขึ้น ส่วนด้ายพุ่งอีกจำนวนมีหน้าที่ร้อยประสานรอยแยก โอบผืนผ้าทั้งหมดไว้ด้วยกัน การทอนั้นใช้เวลานานกว่าทอแบบปกติ                ในปัจจุบันแหล่งทอผ้าหลายชุมชน ได้ปรับเปลี่ยนและสูญหายไปเป็นจำนวนมาก มีเพียงบางแหล่งที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น สถานที่แห่งนั้นคือผ้าทอที่อำเภอแม่แจ่ม ขอขอบคุณข้อมูลบทความจาก : ดร.เพ็ญสุภา  สุขคตะ

ผ้าทอกะเหรี่ยง

6

ผ้าทอกะเหรี่ยง ผ้าทอกะเหรี่ยง มีลักษณะเป็นผ้าทอหน้าแคบ ที่ใช้เครื่องมือทอแบบห้างหลัง หรือที่เรียกกันว่ากี่เอว ผ้าที่ทอจะถูกกำหนดตามความต้องการใช้งานตั้งแต่เริ่มต้นทอ เช่น ผ้าทอสําหรับเสื้อ ผ้าทอสําหรับผ้าซิ่น ผ้า ทอสําหรับผ้าโพกศรีษะ หรือผ้าทอสําหรับทาเป็นย่าม ศิลปะลวดลายบนผืนผ้าของชนเผ่ากะเหรี่ยง มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่แสดงถึงตัวตนของชนเผ่ากะเหรี่ยง ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ลวดลายต่างๆ มักเกิดจากการสังเกต การใช้จินตนา การนําเอาลักษณะเด่นจากสิ่ง ที่พบเห็นในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัว ทั้งพืชพรรณ ดอกไม้ต้นไม้สัตว์น้อยใหญ่ข้าวของเครื่องใช้ใน ชีวิตประจําวัน ตลอดไปจนถึงประเพณีและคตินิยมของชนเผ่ามาประยุกต์ถ่ายทอดลงสู่ลวดลายบนผืนผ้าได้ อย่างงดงาม ด้วยเทคนิคการสร้างสรรค์ลวดลายที่หลากหลาย ทั้งการจก การทอยกดอก การมัดหมี่การปัก ด้วยด้ายหรือไหมพรมหลากสีการปักประดับตกแต่งด้วยเมล็ดลูกเดือย เป็นต้น ขอขอบข้อมูลบทความจาก : เว็ปไซต์ www.sacit.or.th ขอขอบคุณข้อมูลภาพจาก : เว็ปไซต์ http://travel.lamphunpao.go.th/

ถั่วเน่าแม่แจ่ม

S 100614153 0

ถั่วเน่าแม่แจ่ม ถั่วเน่า เป็นอาหารพื้นบ้านของแม่แจ่มที่สืบทอดต่อๆกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษจนกระทั่งถึงรุ่นลูกหลานในปัจจุบัน ชาวบ้านมักนำถั่วเน่ามาปรุงเป็นอาหาร เช่น น้ำพริกถั่วเน่า หรือนำมาปรุงรสชาติของอาหารอื่นๆ แทนกะปิ ปลาร้า หรือน้ำปลา เช่น ใส่ในจอผักกาด ใส่แกงต่างๆ หรือทำน้ำพริกถั่วเน่า ที่ขาดไม่ได้ขนมจีนน้ำเงี้ยว ถ้าใส่จะทำให้น้ำเงี้ยวหอม อร่อย  แม้ทุกวันนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนพิสูจน์ตัวเองแล้วว่า เหมาะสมกับวิถีชีวิตของคนในพื้นที่เหล่านั้นได้จริงๆ เราจึงได้เห็นสิ่งเหล่านี้อยู่คู่กับชาวล้านามาจนถึงทุกวันนี้ มีของดีๆ ต้องช่วยกันใช้และรักษา ไม่ต้องอายหากใครจะบอกว่า “ล้าสมัย โดยเฉพาะวัฒนธรรมการกินไม่พัฒนา” เพราะสิ่งเหล่านี้คือวัฒนธรรมของเรา และเกิดมาจากภูมิปัญญาของคนรุ่นก่อนๆ ที่ได้เรียนรู้และถ่ายทอดส่งต่อไป เกิดมาทั้งทีต้องได้ลองซักครั้ง ขอบคุณข้อมูลบทความจาก เพจ : ล้านนาประเทศ www.facebook.com/100070558861966 ภาพโดย : Maechaem travel ( ทีมงาน แม่แจ่ม ทราเวล )

กลองหลวง แม่แจ่ม

5 2 กลองหลวง แม่แจ่ม

กลองหลวง แม่แจ่ม     กลองหลวง เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กลองห้ามมาร อาจเนื่องจากเป็นกลองที่ใช้ตีสำหรับเวลามีงานบุญที่ยิ่งใหญ่ เช่น งานสมโภชพระธาตุ และงานปอยหลวง เป็นต้น งานเหล่านี้มักใช้กลองหลวงตี และเชื่อว่าเสียงของกลองสามารถเอาชนะมารอันหมายถึงการทะเลาะวิวาทในงานอีกด้วย และนอกจากนี้จะมีการนิมนต์พระอุปคุต ซึ่งเชื่อว่าเป็นพระเถระที่บ้าเพ็ญเพียรอยู่ในมหาสมุทรมีฤทธิ์ปราบปรามมาร เมื่อนิมนต์มาแล้วชาวบ้านจะแห่พระอุปคุตซึ่งใช้หินจากแม่น้ำ้เป็นตัวแทนมาไว้ที่หออุปคุตในบริเวณจัดงาน เพื่อห้ามเหล่ามารมิให้เข้ามาทำลายพิธีงานบุญได้ และในการแห่มักใช้กลองหลวงด้วย กลองหลวงนี้พระครูเวฬุวันพิทักษ์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เล่าว่ามีมาเมื่อราว 80 ปีเศษมานี้เอง โดยช่างชื่อหนานหลวง บ้านทุ่งตุม ตำบลแม่ก๊า อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่เป็นผู้ทำขึ้นก่อนมีขนาดหน้ากลองใหญ่ 20 นิ้ว ยาวประมาณ 140 นิ้ว (7 ศอก) ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ากลองทั่วไปในขณะนั้น และนำมาถวายพระครูพุทธิวงศ์ธาดา วัดฉางข้าวน้อยเหนือ เจ้าคณะแขวงปากบ่อง (คืออำเภอป่าซางปัจจุบัน) เพื่อใช้สำหรับแห่ครัวทานหรือไทยทานและตีแข่งกัน ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จึงมีผู้ทำขึ้นเลียนแบบในเวลาต่อมา โดยได้พัฒนาให้มีขนาดใหญ่ขึ้นตามลำดับ เป็นขนาดหน้ากลอง 22 นิ้ว 24 นิ้ว และ 26 นิ้ว […]

จุลกฐิน วัดยางหลวง Wat Yang Luang

  จุลกฐิน วัดยางหลวง Wat Yang Luang   ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าผา เส้นทางเดียวกับวัดป่าแดด ไม่ไกลกันมาก ชาวกะเหรี่ยง หรือ “ยาง” เป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้นมา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 24 สิ่งที่น่าสนใจ คือ กู่ปราสาท หรือ กิจกูฏ ซึ่งตั้งอยู่หลังพระประธานในวิหาร คนโบราณถือว่าเป็นประตูไปสู่สวรรค์ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของกิจกูฏเป็นแบบพุกามจากพม่า ผสมกับล้านนาสกุลช่างเชียงแสน วัดยางหลวงเป็นวัดที่ตั้งชื่อตามกลุ่มชาติพันธุ์ “ยาง” หรือ “กะเหรี่ยง” นั่นเอง โดยกล่าวกันว่าได้มีผู้สร้างวัดนี้ขึ้นมาในราวพุทธศตวรรษที่ 24 และมีหลักฐานจารึกที่หน้าฐานพระพุทธรูป หน้าซุ้มกิจกูฏไว้ว่าวัดแห่งนี้ได้รับการบูรณะเมื่อปี พ.ศ. 2407 และกลายเป็นวัดคู่อำเภอแม่แจ่มที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าวัดอื่น ๆ น่าชม – วิหารไม้สักที่ไม่เพียงเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน ปางมารวิชัยอันศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น หากยังมีกู่ปราสาท หรือ กิจกูฏ ตั้งอยู่หลังพระประธานซึ่งคนโบราณเชื่อกันว่าเป็นประตูไปสู่สวรรค์ กู่ปราสาทนี้เป็นศิลปะ แบบพุกามผสานกับล้านนาสกุลช่างเชียงแสน และผนังด้านหลังพระวิหารปรากฏ ภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามอย่างยิ่ง โดยประกอบด้วยภาพพระภิกษุสามรูป ซึ่งเชื่อกันว่า คือพระพุทธเจ้าและพระสาวก ส่วนด้านข้างพระวิหารเป็นสถานที่เก็บกลองล้านนาขนาดใหญ่ […]

ปิ่นปักผม แม่แจ่ม Lanna Hairpin Mae Chaem

2 2 Mae Jam Lanna hairpin ปิ่นปักผม แม่แจ่ม

ปิ่นปักผม แม่แจ่ม Lanna Hairpin Mae Chaem ปิ่นโบราณที่พบในล้านนา มีลักษณะคล้ายปิ่นของแม่แจ่มนี่เอง เพียงแต่วัสดุมักเป็นเงินหรือทอง ส่วนยอดประดับด้วยอัญมณี เช่นทับทิม แก้วก๊อ หรือหินสี ปิ่นงามหลายเล่ม มักมีเชือกแดงล่ามไว้ เมื่อประดับเสร็จก็เคียนเชือกรัดไว้กับมวยอีกที ส่วนปิ่นใหญ่ปิ่นหลวง มักเป็นรูปร่ม หรือปิ่นจ้อง ของชาวไทยลื้อ ถ้าเป็นของเจ้านายใหญ่ยศ น่าจะเป็นทอง ที่พบส่วนใหญ่เป็นเงิน นอกจากนี้ยามใดเมื่อจะไปวัดในวันศีล แม่ญิงที่เกล้ามวย จะเหน็บดอกไม้กันถ้วนหน้า คนแม่แจ่มบอกว่า เหน็บดอกไม้นี้เพื่อบูชาหัว และเพื่อจะก้มกราบบูชาพระเจ้าอีกด้วย ดอกไม้เห็บหัวที่เหมาะสมและสวยงาม น่าจะเป็นดอกเอื้องผึ้ง ซึ่งจะบานเต็มคาคบต้นลำไย ต้นมะม่วง ในช่วงยามปี๋ใหม่สงกรานต์ ครั้นไม่ถึงช่วงยามบ่ายที่ดอกเอื้องผึ้งจะบาน ชาวบ้านก็จะคิดประดิษฐ์เป็นช่อเอื้องคำ ทั้งโลหะแพงค่า อย่างทองคำ เงินหรือทองเหลือง เรียกว่า เอื้องเงินเอื้องคำ ส่วนดอกไม้อื่นๆก็ เอื้องแซะ เก็ตถวา มะลิ จำปา จำปี สารภี เอาเป็นว่าดอกไม้หอมๆใหช้ได้หมด

en_USEnglish